5 เคล็ดลับ เลือกแพ็กเกจค่าโทร + เน็ตให้คุ้มค่านี้ น่าจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณได้อย่างสบายๆ เลยล่ะ
1. ต้องรู้ไลฟ์สไตล์ตัวเองก่อนว่าเป็นคนชอบโทรหรือเน็ตมากกว่ากัน เริ่มสำรวจตัวเองว่าในแต่ละวันเมื่อคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ทำอะไรบ้าง เป็นต้นว่าคุณอาจจะเป็นคนชอบคุย พอพบเจอเรื่องอะไรก็อยากที่จะแชร์จะเม้าท์กับเพื่อน หรือคุณเป็นเจ้าของกิจการซึ่งในหนึ่งวันคุณต้องโทรรับ-สั่งออเดอร์สินค้าบ่อยๆ ฯลฯ แสดงว่าไลฟ์สไตล์คุณน่าจะหนักไปทางโทรมากกว่า แต่ถ้าคุณเน้นเลือกใช้แอพพลิเคชั่นที่มีอยู่เพื่อพูดคุยกับเพื่อน แฟน หรือครอบครัว แน่นอนว่าคุณจะต้องมีปริมาณเน็ตที่มากพอ
2. คุณมีสมาร์ทโฟนไว้ทำอะไรบ้าง แน่นอนว่าคุณคงไม่ใช้เพื่อการสื่อสารเพียงอย่างเดียว เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ...ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างการใช้สมาร์ทโฟนซึ่งสามารถทำได้ครอบคลุมแทบจะทุกโหมดไลฟ์สไตล์ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ เริ่มจากเรื่องใกล้ตัว อย่างการค้นหาข้อมูลซึ่งทำได้ง่ายและเร็ว, การเล่นเกม, ค้นหาเส้นทาง, ถ่ายภาพ, อัพโหลดข้อมูล, เล่น Social, ชำระค่าสาธารณูปโภค, โอนเงิน, ตามติดละคร กระทั่งดูแลสุขภาพก็ยังทำได้ ซึ่งหลากหลายแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาออกมาเพื่อตอบรับการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มากขึ้นเหล่านี้ล้วนแต่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไร้สายอย่าง 3G, 4G หรือ Wi-fi ทั้งสิ้น
3. เดือนๆ หนึ่งใช้ค่าโทรและเล่นเน็ตได้ครบตามแพ็กเกจที่สมัครหรือไม่ อะไรใช้เกิน หรืออะไรไม่ค่อยได้ใช้ เคยไหมที่บ่อยครั้งได้ SMS แจ้งเตือนการใช้งานเน็ตครบตามแพ็กเกจจากนั้นคุณจะใช้เน็ตความเร็วลดลงเหลือ 128 Kbps ไม่ก็ 384 Kbps ช้าแบบนี้แล้วจะทำไง จะขอแชร์ Hotspot จากเพื่อนก็ทำได้แต่คงไม่บ่อย สุดท้ายก็ต้องควักกระเป๋าซื้อแพ็กเกจเสริม แต่ถ้าค่าโทรหมดซะก่อนจะยืมโทรศัพท์เพื่อน วิ่งหาตู้สาธารณะ หรือใช้ส่ง SMS แทน ก็คงไม่ดีแน่ ปัญหาเหล่านี้คงไม่เกิดถ้าคุณใช้ค่าโทรค่าเน็ตตามแพ็กเกจได้ครบพอดีในทุกรอบบิล การซื้อแพ็กเกจเสริมก็คงไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงหลายคนเลือกแพ็กเกจที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ค่าเน็ตไม่พอค่าโทรเหลือ ไม่ก็ค่าโทรไม่พอแต่เน็ตเหลือ หรือทั้งค่าโทรค่าเน็ตไม่พอทั้งคู่ ดังนั้นคงต้องกลับมาเช็กดู SMS แจ้งเตือนการใช้งานในแต่ละเดือนของคุณที่ผู้ให้บริการเครือข่ายของคุณส่งมาแล้วล่ะ เพื่อจะได้วางแผนการใช้งานให้ตรงความต้องการและคุ้มค่ามากที่สุดอ่านต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น